การออกแบบ " Packaging สำคัญอย่างไร?"..กับสินค้าของคุณ

    การออกแบบ "Packaging สำคัญอย่างไร?" กับสินค้าของคุณ คุณอาจจะเข้าใจว่า ถ้าเราผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีอยู่แล้ว ก็แค่หา.."กล่องอะไรก็ได้" มาใส่สินค้า แล้วอะไรล่ะครับ? ที่คุณคิดว่าจะมารองรับตัวสินค้า หรือการันตีว่าสินค้าที่อยู่ข้างในนั้นแตกต่าง และทำให้เป็นที่น่าสนใจมากพอที่จะยืนอย่างโดดเดี่ยว โดยปราศจากรูปลักษณ์ที่สวยงาม อะไร?..คือคำอธิบายที่ดี อะไร?..คือสิ่งที่ทำให้คนสนใจ และหันไปมองสินค้า ตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แกะกล่อง! 

    "สินค้าต่างประเภท ทำให้รูปแบบของ Packaging มีความแตกต่างกัน" หรือคล้ายคลึงกัน ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างของตัวสินค้าเอง เช่น ของเล่น เครื่องสำอาง เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า การแยกประเภทสินค้า เพื่อหาสิ่งที่รองรับที่เหมาะสม มีส่วนช่วยให้สินค้ามีความน่าสนใจและน่าใช้ มีความน่าเชื่อถือ "ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า..สินค้ามีคุณภาพ" เป็นที่ยอมรับและน่าพึงพอใจสำหรับกลุ่มเป้าหมายเพราะ "การสร้างความดึงดูดใจ" ของสินค้าบางอย่างจากภายนอก เพื่อนำพาให้ผู้บริโภคเข้าไปสู่สินค้าด้านในโดยที่อาจจะ "ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน..จนหมดความน่าสนใจ! ไปซะทั้งหมด" ในครั้งแรกที่ได้เห็น..

    ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเปรียบ "สินค้าสัก 1 ชิ้น" ก็คงไม่ต่างกับ "คนธรรมดาๆ หนึ่งคน" ที่มีแผนว่า "จะต้องไปร่วมงานสำคัญ" เขาต้องใช้เวลาเพื่อเลือกซื้อชุดเสื้อผ้า ที่ตรงกับบุคลิกของเขา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้า ทั้งโทนสี และ Design "รูปแบบไหน? ที่จะเหมาะกับบุคคลิกของเขา" และทำให้เขาดูดีในวันนั้น "เมื่อเขาได้ยืนอยู่ในงานสำคัญ" คนที่เดินผ่านไป..ผ่านมา ได้พบเห็นเขาเป็นครั้งแรก "ทำให้เขาโดดเด่น และดูดี ตกเป็นเป้าสายตา และสร้างความประทับใจ" แก่ผู้พบเห็นมากมายที่มาร่วมในงาน นี้ก็คือวิธีการเลือกสรรสิ่งที่เหมาะสม และเป็นการสร้างบุคคลิกภาพให้ดูดี ภายใต้การวางแผน ที่ก็อาจทำให้เขาบรรลุวัตถุประสงค์ไปแล้วเกินครึ่งครับ

    กลับมาที่ Packaging กันบ้างนะครับ คราวนี้ดูเหมือนจะไม่ยากแล้วใช่ไหมครับ ที่จะทำให้สินค้าของคุณได้รับความสนใจมากขึ้นจากกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าของคุณ การออกแบบ Packaging ที่ดีสักชิ้น ก็อาจจำเป็นจะต้องมีรายละเอียด และมีความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ก็ควรมีคุณสมบัติที่ดีคือ สามารถช่วยปกคลุมและปกป้องสินค้า สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าทำให้เข้าถึงตัวสินค้า มีรูปแบบที่เรียบง่าย มีความสร้างสรรค์และสมดุล และสมเหตุสมผลในการที่จะลงทุนด้านการผลิต

    "การออกแบบ Packaging ในแต่ละประเภทสินค้า จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน" ที่ต้องคำนึงถึงตัวสินค้าด้านใน และบรรจุภัณฑ์ด้านนอกให้มีความสวยงามสอดคล้องกัน ควรมีปัจจัยอะไรบ้าง? ที่ทำให้งานการออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้นเกิดขึ้นได้ และเป็นไปตามความต้องการได้อย่างเหมาะสม เช่น

    1. ประเภทสินค้า หมวดหมู่ เช่น ของกิน, ของใช้, ยา, เครื่องสำอางค, มือถือ, อุปกรณ์

    2. กลุ่มเป้าหมาย หรือผู้บริโภค เช่น เพศ, อายุ, วัย

    3. มีองค์ประกอบและกระบวนการของงาน โทนสี, รูปแบบ, ประเภทวัสดุ, ขบวนการผลิต

    4. มีจำนวนการผลิตขั้นต่ำ ที่จำนวนเท่าไหร่?

    5. ลักษณะรูปทรงสินค้า เช่น บรรจุขวด, ก้อนกลม, แท่งยาว, ของเหลว, เส้น, ผง, เม็ด 

    6. ขนาดสินค้า เช่น กว้าง x ยาว x สูง

    7. น้ำหนักสินค้า เช่น กรัม, กิโลกรัม

    8. มีการจัดเรียงของสินค้า เช่น บรรจุรวมเป็น Set, แบบชิ้นเดียว

    9. มีการแบ่งรายละเอียดสินค้า เช่น  สี, กลิ่น, รส, ราคา, น้ำหนัก

    10. มีการบรรจุสินค้าด้านใน เป็นซองแยกย่อย ป้องกันการสัมผัสกับบรรจุภัณฑ์ด้านนอก

    11. มีวิธีการเปิดบรรจุภัณฑ์ ก่อนนำสินค้าออกมาใช้งาน กี่ขั้นตอน

    12. ปัญหาที่เกิดจากตัวสินค้าเอง เช่น Leak(รั่ว) ของสินค้า, สินค้าจับตัวเป็นก้อน อื่นๆ

    13. สินค้ามีความบอบบาง ต้องมี Inner เพื่อรองรับด้านในก่อนใส่ Packaging ด้านนอก

    14. มีการขนส่งสินค้าอย่างไร?

    การเตรียมข้อมูลเบื้องต้นสำหรับ Designer เพื่อใช้ในการออกแบบ Packaging ให้ตรงกับความต้องการและการใช้งานที่ตรงใจลูกค้ามากที่สุด เป็นการขยายโจทย์ให้ชัดเจนขึ้นเพื่อที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ในอีกหลายๆ ด้าน เป็นการแชร์ความคิดและไอเดียในการออกแบบ ที่เป็นประโยชน์ทั้งกับนักออกแบบ และผู้ประกอบการเพื่อหาบทสรุปร่วมกัน สามารถปรับข้อมูลที่ได้นี้ เพื่อให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ ในแต่ละประเภทสินค้าได้อีกด้วยครับ

    บรรจุภัณฑ์ที่มีกันอยู่มากมายตามในท้องตลาด..ก็ยังคงมีความสำคัญ และสร้างความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า "ไม่ว่าสินค้าจะมีขนาดเล็ก หรือ จนกระทั่งไปถึงขนาดใหญ่ Packaging ที่ดูสวยงาม..ย่อมทำให้ตัวสินค้าเกิดมูลค่าเพิ่มขึ้น" จากความพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดทำให้สินค้า "มีเอกลักษณ์และสามารถสร้างตัวตน" ที่มีอยู่ภายใต้ Brand ของสินค้า

Photo credit : pixabay.com