การเริ่มต้นเป็น Designer (Freeland Full Time) ชีวิต "ตกงานแบบถาวร" ต้องทำอย่างไรบ้าง?


    การเริ่มต้นครั้งแรกกับงาน Designer (Freelance) แบบ Full Time! หรือเรียกว่าเป็นการเลือกที่จะ "ตกงานแบบถาวร" นั่นเองครับ ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไร? จะถูกบีบบังคับหรือเต็มใจหรือไม่? ก็ตาม ขอให้คำนิยามของเส้นทางนี้นะครับ "หากคุณไม่เคยพบกับการสิ้นสุด..แล้วคุณจะพบกับจุดเริ่มต้นใหม่..ได้อย่างไร?" ในเส้นทางชีวิตใหม่ ที่คุณต้องเริ่มจากศูนย์! จริงๆ การลาออกมาตั้งหลักกับความไม่แน่นอน! ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะครับ แต่ทุกอย่างต้องใช้สติครับ..เดี๋ยวสตางค์จะตามมาเองครับ



    สำหรับผู้ที่เป็น Freelance จะต้องมีการเผชิญปัญหาอยู่ตลอดเวลา เพราะอย่าลืม! "เมื่อคุณต้องแก้ปัญหาเพียงลำพัง!" ด้วยประสบการณ์ล้วนๆ แล้วที่สำคัญ! ไม่ใช่ทุกคนนะครับที่จะโชคดีกับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพราะผู้เขียนเองก็เคยมีประสบการณ์ที่ว่า..ในการลาออกมาเพื่อเริ่มต้น "ยังไม่มีลูกค้า! ติดปลายมือออกมาเลยสักคน มือยังสะอาดอยู่เลย!" แย่!แล้วซิครับ การเริ่มต้นเหมือนกำลังจะดีเพราะ "ความสนุกกำลังรอคุณอยู่" น่ะซิครับ



    
    ข้อสำคัญอีกข้อหนึ่ง เป็นการวางแผนเพื่อจะออกมาเป็น Freelance เต็มตัว คือ "การอย่ามีหนี้สิน" หรือ "มีภาระที่ต้องผ่อนส่งในระยะยาวๆ" เมื่อคุณต้องเริ่มต้น คุณจะยังไม่มีรายได้เข้ามาในช่วงแรกๆ ที่คุณยังไม่มีลูกค้า ประมาณ 3-6 เดือน คุณอาจต้องมีเงินเก็บสะสม เพื่อเป็นเสบียงให้คุณมีชีวิตอยู่ได้ เพราะจะทำให้คุณอาจติดขัดและขาดสภาพคล่องในระยะแรกๆ บอกได้เลยนะครับว่า ค่อนข้างเป็นช่วงวัดใจเลยว่า..."คุณจะรอด หรือร่วง!" บางท่านมีโอกาสที่จะกลับไปเข้าวงจรงานประจำอีกครั้ง..หากอายุคุณยังไม่พ้นเกณฑ์ แต่มีอีกหลายๆ ท่านที่อายุพ้นเกณฑ์และไม่มีทางเลือกที่มากนัก มีอยู่ทางเดียวคือ "คุณต้องรอด! และต้องรอดให้ได้ด้วย" แต่จะด้วยวิธีไหน ค่อยๆ มาหาคำตอบกันนะครับ



    ในอดีต..ใครที่เคยทำงานเป็นพนักงานแบบสบายๆ มาก่อน ถ้าไม่ค่อยเจอปัญหาเลยถือว่าโชคดีมากนะครับ แต่ปัญหาในระหว่างการทำงานของคุณคือ "ต้นทุนของสมองที่สำคัญและเป็นประโยชน์มาก" ในการเรียนรู้ คุณจะเห็นข้อบกพร่องในหลายๆ มุมมองของงาน และในหลายๆ ด้านของการแก้ปัญหา คุณจะได้รู้วิธีการแก้ปัญหาในหลายๆ สถานะการณ์ ที่อาจจะต้องตั้งรับให้ทัน หรือมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยเสียด้วยซ้ำ! แนะนำว่าให้เรียนรู้ในสิ่งที่ผิดพลาด และอย่าให้เรื่องเดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำบ่อยๆ เพราะอย่าลืมว่าคุณ "ไม่ได้กำลังที่จะฝึกความชำนาญในเรื่องความผิดพลาด!" ซ้ำๆ นั้นอยู่นะครับ ให้เรียนรู้วิธีแก้ไขและทำมันให้ดี..แล้วเดินหน้าต่อครับ เมื่อคุณสามารถแก้ไขมันสำเร็จ! "คุณจะไม่ลืม! วิธีแก้ปัญหาเหล่านั้น" เมื่อเวลาผ่านไปครับ




    สิ่งแรกที่ควรทำ คือการ "รวบรวมผลงานทั้งหมด" ที่ผ่านมา ที่คุณสะสมไว้ไม่ว่าจะกี่ปีแล้วก็ตาม รวบรวมนำมันมาจัดเรียงใหม่และสร้างหมวดหมู่ไว้เป็น Portfolio เพื่อนำเสนอกับผู้ที่ต้องการและสามารถดูผลงานได้ง่าย "การจัดหน้าร้านให้เป็นระเบียบ และดูดีได้ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง" ครับ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนๆ การทำธุรกิจ ซื้อ-ขาย หรือการให้บริการคือควรมี "หน้าร้าน" ที่อยู่ใน "ทำเลที่ดี" หน้าร้านในที่นี้หมายถึง Website ที่ทางลูกค้าจะสามารถค้นหา เข้าเยี่ยมชมผลงานในโลกออนไลน์ และติดต่อใช้บริการของคุณได้ตลอดเวลา

    มาดูวิธีการหางานกันครับ คุณสามารถหางานได้จากช่องทางไหนได้บ้าง? คุณสามารถเชื่อมโยง Website ของคุณไปยังอีกหลายๆ ช่องทางด้วยกัน เช่น Facebook Line Instagram และ Website อื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับงานของคุณได้ หรือสมัครในแหล่งรวมการซื้อ-ขายงาน Freelance ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อีกด้วย เช่น Freelancebay.com/fastwork.co/nganyim.com/upwork.com/freelancer.com คุณสามารถสมัครสมาชิกและฝากผลงานไว้ตามแหล่งงานที่ตรงกับสายงานเหล่านี้ได้ แต่การจ้างงานหรือสัญญาข้อตกลงใดๆ จะเป็นไปตามกฏระเบียบที่ระบุไว้ภายใต้เงื่อนไขของแหล่งงานนั้นๆ เท่านั้นครับ




    จำได้ว่า.."ลูกค้ารายแรก" เพื่อนที่ทำงานสายเดียวกัน..แนะนำงานมาให้ครับ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่มีการนัดพูดคุย และตกลงรับงานมาทำเลยครับ งานในครั้งแรกนี้ถือเป็นการประเดิม ด้วยความใหม่ของอาชีพ Freelance ที่ยังอ่อนประสบการณ์อยู่มากในเรื่องข้อตกลง ที่เรียกได้ว่ายังไม่รัดกุม การรับงานด้วยตัวเองคนเดียวโดยไม่มีที่ปรึกษา และไม่รู้ว่าต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?ในการรับงานลูกค้า ด้วยความใหม่เป็นการรับงานชิ้นแรก!..ในใจคิดแค่ว่า อยากทำให้ออกมาดีที่สุด..เรื่องเงินค่อยว่ากันที่หลัง "การที่ทำงานให้ก่อน..โดยที่ไม่ได้เก็บมัดจำ!" ถ้ามองในมุมคนทำงานเป็นแล้ว "ไม่ใช่ขั้นตอนที่ดีและไม่ควรทำอย่างมาก" ครับ เหตุผลคือ การว่าจ้างและรับจ้าง ถือเป็น "ธุรกิจอย่างหนึ่ง" ซึ่ง "ไม่ใช่การช่วยเหลือ" หรือ "บริจาค" แล้วแต่กำลังศัทธาของผู้ว่าจ้างนะครับ แต่การทำงานต้อง "ชัดเจนกันด้วยการทำสัญญาว่าจ้าง" เพราะสิ่งที่ผู้ว่าจ้างจะได้รับคือ "งาน" หรือ "ผลงาน" นั้นๆ ที่ "ผู้ว่าจ้าง" นำไป "เพื่อต่อยอดในธุรกิจของผู้ว่าจ้างไม่ว่าทางใด? ทางหนึ่ง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ว่าจ้างเอง" จึงไม่ใช่การทำการสร้างกุศลร่วมกันนะครับ ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันทั้งสองฝ่ายนะครับ 

    ซึ่งไม่ว่าจะเป็นมือใหม่! ก็ควรต้องทราบ และมืออาชีพแล้ว ไม่ว่าสายไหนๆ ก็ควรยิ่งต้องทำ แนะนำว่า การรับงานมาทำก่อน โดยไม่มีการเสนอราคาก่อน หรือไม่มีเอกสารสัญญากัน "ไม่มีใครเขาทำกัน" นะครับ และเมื่อเซ็นเอกสารแล้ว ก็ต้องควรเก็บมัดจำก่อน แล้วค่อยเริ่มทำงาน อาจจะ 30% 50% ก็ตามที่ตกลงกันไว้นะครับ จึงจะ "เป็นเรื่องที่ถูกต้อง" นะครับ




    ตัวอย่างในเรื่องนี้ คือการเรียนรู้ในข้อผิดพลาดแรกนะครับ และสำคัญมาก ในตอนนั้นไม่ใช่ไม่อยากได้เงินนะครับ แต่ยังไม่เคยรับงานและคิดไม่ถึงเลยจริงๆ นั่นคือสิ่งที่สอนให้อดทนและรอบคอบมากขึ้น คือยอมรับข้อผิดพลาดในครั้งนั้นนะครับ และมีความพยายามเรียนรู้มากขึ้น ผลปรากฏว่า คือจบงานแรกได้สำเร็จ! ส่งงานทั้งหมดและผ่านไปด้วยดี หลังงาน Design จบแล้ว Freelance ต้องทำคือต้องเอกสารทางบัญชี ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดานะครับ ขั้นตอนในลำดับต่อไปนั้น เมื่องานเสร็จสิ้น มัดจำแล้ว/รับงานแล้ว/ส่งงานแล้ว/ชำระส่วนที่เหลือแล้ว "ต้องจัดทำเอกสารทางบัญชี หลังการปิดงานในทุกๆ ครั้ง" ด้วยครับ
  
 

    
    ผู้รับจ้าง/Freelance ต้องรวบรวมส่งเอกสารให้ทางบัญชีของ ผู้ว่าจ้าง/บริษัท จะมีเอกสารที่เหมือนกัน 2 ชุด และเก็บไว้ฝ่ายละ 1 ชุด พร้อม ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% สำหรับ Freelance ที่เป็น "บุคคลธรรมดาที่ต้องเก็บไว้ยื่นภาษีปลายปี" (เอกสารที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ที่ยื่นภาษี แล้วต้องเก็บไว้สำหรับการย้อนการตรวจสอบไว้ประมาณ 5-6 ปี) หากคุณไม่รู้ อย่ากังกล! ที่จะเอ่ยปากถาม..ให้ถามทางบัญชีโดยตรงเลยว่า "ต้องการเอกสารอะไรอีกบ้าง?" และจัดทำให้ครบถ้วนครับ เท่านี้ก็จบขั้นตอนแล้ว และงานชิ้นต่อๆ ไป ก็ตามมาอีกครับ คุณจะสามารถใช้ขั้นตอนวิธีการทำงานที่ผ่านมา..ที่คุณเคยได้เรียนรู้แล้วเป็นโมเดล เพื่อรับงานจากบริษัทหรือผู้ว่างจ้างท่านอื่นๆ ได้ในครั้งต่อไปครับ




    การตั้ง "ราคาค่าจ้าง/บริการ" มีวิธีคิดราคาอย่างไร? ให้เหมาะสมกับงาน แต่ละลักษณะงาน ทำได้คือ คุณสามารถสำรวจ "ราคากลาง" จากที่อื่นๆ ที่มีการเสนอราคากันอยู่ นำมาปรับใช้ได้ ราคาอาจมาก หรือน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้รับงานในด้านงานนั้นๆ หรือคำนวนได้จากการหาข้อมูลประกอบงาน เช่น มีการถ่ายภาพให้ Retouch ภาพ จัดซื้อของจากแหล่งต่างๆ เพื่อประกอบในงาน มีการนำเสนอ Content เขียบทความประกอบ คุณใช้เวลาทำงานกี่วัน..มีการแก้ไขในงานจำนวนกี่ครั้ง คุณต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ อีกหรือไม่? นำปัจจัยต่างๆ ทำการจัดตั้งหา "ราคา Standard ของคุณเอง" เพื่อเสนอราคาแก่ลูกค้าครับ

    แต่ราคากลางในการตั้งจะเป็นการประเมินคร่าวๆ เพื่อเป็นตัวเลขกลมๆ เพื่อให้พิจารณานะครับ ส่วนจะมีส่วนลดพิเศษให้ หรือมีเพิ่มเติมในส่วนของค่าใช้จ่าย เป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันให้เสร็จสิ้น! เพื่อหาขอสรุปของทั้งสองฝ่าย และเข้าใจตรงกันด้วย คุณจะสามารถเขียนเงื่อนไข ระบุรายการในใบเสนอราคาเป็นลำดับได้ครับ เพราะลูกค้า/ผู้ว่าจ้าง สามารถอ่านและนำข้อมูลการเสนอราคา "เพื่อเสนอกับหุ้นส่วนบริษัท" หรือ "นำไปเปรียบเทียบกับ Freelance รายอื่นๆ" ได้ ไม่ผิดอะไรนะครับ "เพราะยังไม่มีการทำสัญญาการว่างจ้างเกิดขึ้น" และเมื่อลูกค้ามีความสนใจที่จะว่าจ้างเกิดขึ้นในเวลาต่อมา คุณก็ทำตามขั้นตอนการรับงานดังที่กล่าวมาได้เลยครับ




    ข้อมูลต่างๆ ทำให้เรามีวิธีคิด เพื่อรู้ขั้นตอน และข้อจำกัดในการสร้างสรรค์งานที่ดี สำหรับงานลูกค้าในแต่ละท่านครับ "ลูกค้าจะประทับใจในงาน และการบริการของคุณเสมอ" เพราะถ้าคุณมีฝีมือที่ดี และราคาสมน้ำสมเนื้อ ส่งงานตรงเวลา มีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับ ลูกค้าจะเห็นถึงศักยภาพในการของคุณว่า "มันคุ้มค่าเกินราคาจริงๆ" ต่อให้มี Freelance ท่านอื่น ที่ราคาโปรโมชั่นสวยๆ ลูกค้าก็ยังพอใจคุณอยู่ดีครับ ความจริงคือ ลูกค้าหลายๆ ท่าน "ไม่ได้ต้องการเปลี่ยน Freelance กันบ่อยๆ หากไม่ได้เกิดปัญหา!" เพราะลูกค้าก็ "ต้องการคนที่รู้ใจ และรู้งานกัน" อยู่แล้วครับ


    ถึงแม้ว่าคุณจะมีอาชีพ Freelance มานานแล้วก็จริง อาจไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่ก็ตาม ถ้าคุณมีความแตกต่างในสายงาน และมีศักยภาพมากพอที่ลูกค้ามีความพอใจที่จะจ้างคุณ ไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องเป็นบริษัทใหญ่ "คุณก็จะมีอาชีพที่มั่นคง" อยู่ในสายนี้ได้เช่นกัน ถ้าคุณคิดจะเดินเส้นทางนี้แล้ว "ความรอบคอบเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การตรงต่อเวลา และการปฏิบัติต่อลูกค้า การช่วยเหลือมีน้ำใจให้คำปรึกษาที่ดี" คุณจะสามารถแสดงความจริงใจแก่ลูกค้าได้เสมอ..ให้คิดเสมือนว่า สักวัน Freelance ก็อาจมีสถานนะเป็นลูกค้าคนหนึ่ง เช่นเดียวกันกับลูกค้าในธุรกิจอื่นๆ เพราะ "ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายที่ถูกเอาเปรียบ" ลูกค้าที่ฉลาดเลือก คือลูกค้ามีสิทธิ์! เลือก Freelance ที่ดี เพื่อเลือกใช้บริการ และ Freelance ที่ดี คุณก็มีสิทธิ์! ที่จะเลือกลูกค้าที่ดี และเก็บรักษาฐานลูกค้าชั้นเยี่ยม! เอาไว้ เช่นกันนะครับ

Photo credit : pexels.com

ความคิดเห็น